ชาร์ลส เรนนี แมคอินทอช สถาปนิกที่โลก (เคย) ลืม ตอนที่ 2

ระหว่างทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 19 ต่อเนื่องไปถึงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งในชีวิตแมคอินทอช  ด้านการทำงาน  หลังจากแมคอินทอชได้พิสูจน์ตัวเองด้วยฝีไม้ลายมือและความมุ่งมั่นเป็นเวลานานกว่าสิบปี  ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1901  เขาได้เลื่อนฐานะเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานสถาปนิกจอห์น ฮันนีแมน เคปปี แอนด์แมคอินทอช (John Honeyman Keppie & Mackintosh JHKM)  ความคับข้องใจอันเนื่องมาจากการทำงานเบื้องหลังอย่างไร้ตัวตนคงคลายลง ชื่อแมคอินทอชได้ปรากฏในแบบให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่าเขาคือสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ชาร์ลส เรนนี แมคอินทอช สถาปนิกที่โลก(เคย)ลืม  

Charles Rennie Mackintosh : 1868 - 1928 
ตอนที่ 2  ความผูกพันนำทางสายใหม่


แมคอินทอช (ยืนขวาสุด) และเพื่อนร่วมงานในสำนักงานสถาปนิกจอห์น ฮันนีแมน แอนด์เคปปี ราว ค.ศ. 1890
ที่มา :  Thomas Howarth, Charles Rennie Mackintosh and the Modern Movement,
                       London : Routledge & Kegan Paul, 2nd edn, 1977
จาก www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk



ด้านชีวิต ในเดือนกันยายน ค.ศ.1900 แมคอินทอชแต่งงานกับมากาเร็ต แมคโดนัลด์ (Magaret Macdonald : 1864-1933) ทั้งคู่สนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเรียนที่โรงเรียนศิลปะแห่งเมืองกลาสโกว์  ในช่วงเวลานั้นแมคอินทอชกับเจมส์ เฮอเบิร์ต แมคแนร์ (James Herbert Macnair) เพื่อนสนิทของเขาและสองสาวพี่น้องมากาเร็ตและฟรานเซส แมคโดนัลด์ (Magaret, Frances Macdonald) ร่วมกันทำงานศิลปะแนวใหม่ในนามกลุ่ม “สี่สหาย” (The Four) ผลงานของพวกเขาแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์โดดเด่น  เป็นที่ยอมรับว่าเป็นรูปแบบแห่งเมืองกลาสโกว์ (Glasgow Style)

แมคอินทอชและมาร์กาเร็ตร่วมชีวิตกันทั้งในยามวันชื่นคืนสุข  และยามทุกข์ยากแสนเข็ญตราบจนวาระสุดท้าย  ก่อนที่แมคอินทอชจะเสียชีวิตไม่นาน  ในจดหมายฉบับหนึ่งเขาได้เขียนบอกมาร์กาเร็ตว่า“...ไม่น้อยกว่าครึ่งของทุกสิ่งที่เกื้อหนุนการทำงานของผม  ผมได้รับมาจากคุณ...”


ภาพที่ 12  มาร์กาเร็ต แมคโดนัลด์ เมื่ออายุ 37 ปี (1901)
ที่มา : 
www.npg.org.uk


        มาร์กาเร็ตซึ่งเป็นจิตรกรได้ร่วมทำงานในโครงการที่แมคอินทอชออกแบบหลายโครงการเช่น  ร้านอาหารมิสส์แครนสตันท์  ภายในร้านมีผนังสำคัญสองด้านที่หันเข้าหากัน  ด้านหนึ่งประดับด้วยภาพ “The Wassail" ที่แมคอินทอชออกแบบ (ภาพที่ 13)  อีกด้านหนึ่งประดับด้วยภาพ “The May Queen” ที่มากาเร็ตออกแบบ (ภาพที่ 14)  ภาพทั้งสองนี้มีรูปแบบแปลกใหม่และอาจแฝงสัญลักษณ์โบราณที่ทั้งคู่สนใจไว้ในภาพด้วย  ทำให้ภาพดูลึกลับชวนค้นหา  อีกหนึ่งโครงการที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกันคือ แบบประกวดคฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน  ซึ่งแมคอินทอชออกแบบสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งภายใน  มากาเร็ต ออกแบบการประดับผนังภายใน (ภาพที่ 24a-c)

ภาพที่ 13  The Wassail
ที่มา : www.artuk.org

ภาพที่ 14  The May Queen
ที่มา : www.artuk.org


        ระหว่างทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 19 ต่อเนื่องไปถึงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20  แมคอินทอชได้ออกแบบโครงการสำคัญมากมาย  นอกจากการไม่ยึดติดและพยายามหลุดพ้นจากวังวนของการประดับประดาสถาปัตยกรรมด้วยส่วนประกอบและลวดลายตามแบบแผนที่เคยมีมาอย่างไม่ยั้งคิดแล้ว  อีกแนวทางหนึ่งที่แมคอินทอชทดลองในการออกแบบโครงการต่างๆคือ การหยิบยืมรูปแบบที่เรียบซื่อและมีชีวิตชีวาจากสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของสก็อตแลนด์  นำมาปรับให้สอดคล้องกับเงื่อนไขใหม่ที่เป็นอยู่จริงในขณะนั้น  เกิดเป็นรูปแบบเฉพาะตัวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายท้องถิ่น  ซึ่งในเวลาต่อมาจะค่อยๆคลี่คลายกลายเป็นรูปแบบที่บริสุทธิ์เป็นอิสระอย่างแท้จริง  และนำไปสู่สถาปัตยกรรมแบบใหม่ (Modern) ในที่สุด  ผลงานที่แสดงพัฒนาการความคิดในการออกแบบในช่วงสองทศวรรษนี้ได้แก่

บ้านในอุดมคติสำหรับคู่รักศิลปิน  (Ideal Design for Artist House : 1900)

        ในช่วงปี 1899-1900  แมคอินทอชได้ทดลองออกแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์สมมติที่อาจหยิบยกมาจากชีวิตคู่ของเขาและมาร์กาเร็ต  ผลการทดลองคือแบบบ้านที่คลี่คลายมาจากบ้านท้องถิ่นของสก็อตแลนด์ 3 แบบที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และชีวิตชีวาได้แก่ บ้านในชนบท (ภาพที่ 15a-b) บ้านในเมือง (ภาพที่ 16a-c) และคฤหาสน์ในชนบท (ภาพที่ 17)


ภาพที่ 15a แปลน และรูปด้านทิศใต้ บ้านในชนบท

ภาพที่ 15b รูปด้านทิศตะวันออก  บ้านในชนบท

ภาพที่ 15a-b แบบบ้านในชนบท
ที่มา : www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk



ภาพที่ 16a  แปลน และรูปด้านทิศเหนือ  บ้านในเมือง

ภาพที่ 16b  รูปด้านทิศตะวันออก  บ้านในเมือง

ภาพที่ 16a-b  แบบบ้านในเมือง
ที่มา : 
www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk 




ภาพที่ 17  แบบคฤหาสน์ในชนบท
ที่มา : 
www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk 



        แม้บ้านทั้งสามแบบจะมีรูปแบบต่างกัน  แต่ก็มีความคิดในการออกแบบสอดคล้องกันได้แก่
  • รูปทรงที่มีสัดส่วนสูงทึบ  ดูคล้ายบ้านหอคอยหรือกำแพงป้อมโบราณของสก็อตแลนด์  โดยเฉพาะแบบบ้านในชนบทที่มีผนังล้มสอบด้านบน  ซึ่งแสดงลักษณะทึบหนักแน่นมั่นคงแบบกำแพงป้อมได้อย่างเด่นชัด  
  • การจัดวางส่วนประกอบสถาปัตยกรรมด้วยแบบแผนที่ไม่เคร่งครัด  สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ใช้สอยอย่างไปตรงมาและเปิดเผยเช่น หน้าต่างที่มีรูปแบบ ขนาด สัดส่วน ตำแหน่งการจัดวางหลากหลาย และปล่องควันที่แสดงตัวให้เห็นอย่างซื่อๆ  

        เมื่อปี ค.ศ.1891 ในการบรรยายหัวข้อ “สถาปัตยกรรมคหบดีของสก็อตแลนด์” (Scotch Baronial Architecture)  แมคอินทอชแสดงความคิดว่า“...ปูนสีฉาบหยาบ (Roughtcast) ซึ่งเป็นวัสดุผิวที่นิยมใช้กันทั่วไปในอาคารบ้านเรือนท้องถิ่นทั้งในสก็อตแลนด์และอังกฤษในอดีตนั้น  มีความเป็นไปได้ ที่จะนำกลับมาใช้เพื่อตอบสนองและแสดง“ลักษณะใหม่”ได้อย่างไม่เคอะเขิน...” ความคิดนี้ได้ถูกทดลองในการออกแบบบ้านในอุดมคติทั้งสาม  ดังจะเห็นได้ว่ารูปทรงทั้งหมดทำผิวด้วยปูนสีฉาบหยาบที่มีสันขอบโค้งมน ทำให้เกิดพื้นผิวที่ต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน  มีเพียงเฉพาะจุดเด่นที่ต้องการเน้นเท่านั้นที่เป็นผิวหินเช่น กรอบประตูทางเข้าบ้าน ผนังห้องสำคัญ เป็นต้น  การจัดวางประตูหน้าต่างหลากหลายรูปแบบฝังลงในผนังด้วยแบบแผนที่ผ่อนคลายและไม่ลดทอนความต่อเนื่องของพื้นผิวทำให้เกิดจังหวะที่มีชีวิตชีวา  ผนังที่มีพื้นผิวต่อเนื่องขนาดสูงใหญ่จึงดูไม่เทอะทะหรือว่างโล่งจนเกินไป  และเมื่อผนังนั้นไม่มีส่วนประกอบสถาปัตยกรรมหรือการประดับใดๆมาแทรกคั่น  ระนาบและปริมาตรของรูปทรงจึงปรากฏให้เห็นเด่นชัด  และแสดงความงามออกมาเองด้วยสัดส่วน ขนาด และจังหวะที่สอดประสานกัน  ซึ่งเป็นลักษณะใหม่ที่ต่างจากความงามลักษณะเดิมอันเกิดจากการเติมแต่งผิว

        ก่อนปี ค.ศ.1895 แมคอินทอชได้เดินทางไปสเกตซ์ศึกษาบ้านท้องถิ่นดั้งเดิมในเมืองไลม์ เรจส์
(Lyme Regis : ภาพที่ 18)  หน้าต่างแบบมุขสามด้านยื่นจากผนังและช่องแสงตารางของบ้านหลังนี้คงเป็นสิ่งที่แมคอินทอชประทับใจ  และเล็งเห็นว่าสามารถนำกลับมาใช้เพื่อตอบสนองและแสดงลักษณะใหม่ได้  หน้าต่างแบบมุขสามด้านยื่นจากผนังและช่องแสงตารางได้ถูกนำมาทดลองในแบบบ้านในอุดมคติทั้งสาม  ต่อเนื่องไปยังการออกแบบโครงการต่างๆในเวลาต่อมา  โดยเฉพาะช่องแสงตารางซึ่งจะพัฒนาและคลี่คลายกลายเป็นช่องแสงตารางจัตุรัสที่ปรากฏโดดเด่นในเวลาต่อมา  รวมถึงการสอดแทรกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่พบเสมอทั้งในงานสถาปัตยกรรม  งานตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ (ภาพที่ 19)  จนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในผลงานของเขา  เป็นไปได้หรือไม่ว่าแมคอินทอชใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่สมบูรณ์และบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของรูปแบบใหม่ที่ไร้ร่องรอยของรูปแบบใดๆ



ภาพที่ 18  ภาพสเกตซ์บ้านท้องถิ่นดั้งเดิมในเมืองไลม์ เรจส์ ตีพิมพ์ใน Britsh Architect เมื่อราว ค.ศ.1895
ที่มา : www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk  


ภาพที่ 19  รูปด้านงานออกแบบตกแต่งภายในห้องนอน
ในนิทรรศการ Heirat und Hausrat เดรสเด็น เยอรมันนี ค.ศ.1903
ที่มา : www.mackintosh-architecture.gla.ac.u
k


บ้านวินดีฮิลล์ (Windy Hill House : 1900)

        จินตนาการและความคิดในการออกแบบบ้านในอุดมคติสำหรับคู่รักศิลปินที่เคยอยู่บนกระดาษ ได้ปรากฏเป็นงานสถาปัตยกรรมที่บ้านวินดีฮิลล์ บ้านของนายวิลเลียม เดวิดสัน พ่อค้าชาวเมืองกลาสโกว์ผู้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือแมคอินทอชเสมอ  แม้แต่เมื่อแมคอินทอชเสียชีวิตแล้ว  เขาก็ยังสนับสนุนให้มีการจัดนิทรรศการย้อนหลังขึ้นในเมืองกลาสโกว์  เพื่อให้ชาวเมืองได้ระลึกถึงและเห็นคุณค่าของผลงานที่แมคอินทอชทุ่มเททำมาทั้งชีวิต

        แปลนบ้านวินดีฮิลล์มีลักษณะลื่นไหลไปตามแบบแผนที่ไม่เคร่งครัด (ภาพที่ 20) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแมคอินทอชให้ความสำคัญกับประโยชน์ใช้สอยและพฤติกรรมการใช้งานมากกว่ารูปแบบที่มีแบบแผนตายตัว  อย่างไรก็ดีแปลนที่มีลักษณะลื่นไหลนี้อาจเป็นอิทธิพลจากงานออกแบบร่วมสมัย  ดังจะเห็นได้ว่าทั้งแปลนที่มีลักษณะเป็นรูปตัว L  ตำแหน่งและความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ใช้สอยต่างๆ  และการจัดวางหน้าต่างแบบมุขยื่นสามด้านที่พบในบ้านวินดีฮิลล์นั้น  คล้ายคลึงกับบ้านเดอะเฮริสท์ เมืองซัตตัน โคล์ดฟิลด์ (The Hurst,Sutton Coldfield : 1893 : ภาพที่  21)  ผลงานของวิลเลียม ริชาร์ด เลทาบี (William Richard Lethaby) สถาปนิกที่แมคอินทอชยกย่องชื่นชม


ภาพที่ 20 แปลนพื้นชั้นล่าง  บ้านวินดีฮิลล์
ที่มา : www
.mackintosh-architecture.gla.ac.u
k

ภาพที่ 21 แปลนพื้นชั้นล่าง บ้านเดอะเฮริส์ท
ที่มา :  Peter Davey. Arts and Crafts Architecture. fig 45
จาก www.voysey.gotik-romanik.de


        บ้านวินดีฮิลล์แสดงให้เห็นลักษณะใหม่ซึ่งเกิดจากกลวิธีการออกแบบต่างๆได้แก่

  • รูปทรงประกอบขึ้นจากระนาบและปริมาตรสูงทึบอย่างมีจังหวะและชั้นเชิงชวนมอง  ดูคล้ายบ้านหอคอยหรือกำแพงป้อมโบราณ (ภาพที่ 22a-b)  
  • ระนาบและปริมาตรแสดงตัวเองเด่นชัดตรงไปตรงมา  โดยไม่มีบัวผนังหรือลวดลายประดับใดๆมาเบี่ยงเบน  รายละเอียดหนึ่งเดียวที่แทรกอยู่คือ เส้นสายตารางจัตุรัสที่ช่องแสงซึ่งช่วยทอนรูปทรงที่สูงเรียบทึบให้ดูนุ่มนวลขึ้นและสร้างสัดส่วนที่สัมพันธ์กับคน (ภาพที่ 22a-b)    
  • รูปทรงทั้งหมดมีความต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกันด้วยการทำผิวปูนสีฉาบหยาบ  แทรกด้วยผิวหินเฉพาะจุดเด่นที่ต้องการเน้นเช่นกรอบประตู (ภาพที่ 22a-b ,23a-b)   
  • การกำหนดรูปแบบขนาดและตำแหน่งของประตูหน้าต่างตามประโยขน์ใช้สอยและบรรยากาศภายใน  ประตูหน้าต่างจึงมีหลากหลายลักษณะ  จัดวางไว้ด้วยแบบแผนที่ไม่เคร่งครัดและไม่ลดทอนความต่อเนื่องของรูปทรง  ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย  ไม่ถูกบงการด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ (ภาพที่ 22a-b)  โดยเฉพาะการจัดวางประตูทางเข้าบ้านให้ไม่ตั้งอยู่ในแกนหลักที่พุ่งตรงมาจากลานทางเข้า แต่ตั้งอยู่ในแกนรองที่ตั้งฉากกับแกนหลักนั้น  แม้จะไม่แสดงประตูทางเข้าให้เห็นอย่างเปิดเผย  แต่ด้วยปริมาตรรูปทรงมุขทางเข้าที่ยื่นให้เห็นเด่นชัด  ก็สามารถสื่อและชักพาไปยังประตูผ่านเข้าสู่มุขทางเข้าและโถงกลางที่มีบรรยากาศอบอุ่น  ซึ่งเป็นการเข้าถึง (Approach) ที่มีชั้นเชิงต่างจากแบบแผนเดิมๆ (ภาพที่ 20 ,23a-c )  


ภาพที่ 22a  รูปด้านทิศตะวันออก บ้านวินดีฮิลล์

ภาพที่ 22ิb  รูปทัศนียภาพ  บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 22a-b  แบบบ้านเดอะฮิลล์
ที่มา : 
www.mackintosh-architecture.gla.ac.u
k


ภาพที่ 23a ทางเข้าหลัก บ้านวินดีฮิลล์


ภาพที่ 23b  กรอบประตูทางเข้าหลัก  บ้านวินดีฮิลล์


ภาพที่ 23c  โถงต้อนรับ  บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 23a-c  ภาพถ่าย บ้านเดอะฮิลล์
ที่มา : www.mackintosh-architecture.gla.ac.u
k


การประกวดแบบคฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน                                          
(Ideas Competition for a Mansion for an Art Lover : 1901)


        ในระหว่างที่การก่อสร้างบ้านวินดีฮิลล์กำลังคืบหน้าไป  ในปี 1901 แมคอินทอชยังได้เข้าร่วมประกวดแบบคฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน  ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Innendekoration ในแยอรมัน  การประกวดแบบมีข้อกำหนดว่า ผลงานต้องแสดงให้เห็นรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้  และต้องเป็นการทำงานร่วมกันของสถาปนิกและศิลปินผู้นิยมศิลปะแบบใหม่  แมคอินทอชและมากาเร็ตมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

        แม้แมคอินทอชและมากาเร็ตส่งแบบเข้าร่วมประกวดตามกำหนดเวลา  แต่ก็ไม่ได้รับคัดเลือกเข้าสู่รอบต่อไป  เพราะแบบไม่ครบถ้วน  ขาดภาพทัศนียภาพภายในสามภาพ  อย่างไรก็ดีด้วยความโดดเด่นของรูปแบบที่แปลกใหม่และความสอดคล้องกันของรูปแบบภายนอกและภายใน  รวมถึงการนำเสนอแบบที่ประณีตสวยงาม  ผู้จัดการประกวดจึงมอบเงินรางวัลพิเศษเพื่อขอซื้อแบบที่ทำเพิ่มให้สมบูรณ์ (ภาพที่ 24a-d)  การประกวดแบบนี้ไม่มีผลงานใดได้รับรางวัลที่หนึ่ง  อย่างไรก็ดีน่าสังเกตว่าต้นปี 1902 ผู้จัดการประกวดได้ตีพิมพ์แบบของแมคอินทอชและมาการ์เร็ตร่วมกับแบบที่ได้รับรางวัลที่สองและสาม  โดยระบุว่างานสถาปัตยกรรมภายนอกและภายในออกแบบโดยแมคอินทอช  ภาพและลวดลายประดับที่ผนังและเฟอร์นิเจอร์ออกแบบโดยมากาเร็ต  ในปีเดียวกันแบบนี้ยังได้แสดงในงาน International Exhibition of Modern Decorative  Art in Turin  ต่อมาก็ได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายในนิตยสารต่างๆเช่น  Zodchii  ในรัสเซีย (1903)  British Architect ในอังกฤษ (1904) และ American Architect and Building News (1904)

        การออกแบบคฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปินนี้เป็นพัฒนาการต่อเนื่องจากงานบ้านในอุดมคติสำหรับคู่รักศิลปินและบ้านวินดีฮิลล์  แมคอินทอชใช้กลวิธีในการออกแบบหลากหลายได้แก่ การไม่เน้นแนวแกนสมมาตร  การจัดองค์ประกอบด้วยแบบแผนที่ไม่เคร่งครัด การใช้รูปทรงที่มีสัดส่วนสูงทึบและเรียบเกลี้ยงปราศจากการเติมแต่งที่เกินพอดี  การขับเน้นระนาบและปริมาตรของรูปทรงให้เห็นเด่นชัดและแสดงความงามออกมาเองด้วยสัดส่วน ขนาด และจังหวะที่สอดประสานกัน  การทำผิวปูนสีฉาบหยาบเพื่อทำให้รูปทรงทั้งหมดมีลักษณะต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน  ส่วนประกอบสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบและการจัดวางตามประโยชน์ใช้สอยจะถูกแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา  และการใช้ช่องแสงตารางจัตุรัสเป็นรายละเอียดที่ช่วยทอนรูปทรงที่สูงเรียบทึบให้ดูนุ่มนวลขึ้น  และช่วยสร้างสัดส่วนที่สัมพันธ์กับคน  และยังอาจเป็นสัญลักษณ์ของรูปแบบใหม่  แม้ว่ากลวิธีเหล่านี้จะมีที่มาจากความประทับใจในสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของสก็อตแลนด์ที่มีลักษณะอิสระ  ไม่ยึดติดกับระเบียบแบบแผน  มีชีวิตชีวาและผ่อนคลาย  แต่แมคอินทอชก็สามารถนำมาสร้างรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะสง่างาม  ทัดเทียมรูปแบบคลาสสิคที่เคยทำกันมา (ภาพที่ 24a-d)


ภาพที่ 24a  รูปด้านทิศใต้  คฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน

ภาพที่ 24b  รูปทัศนียภาพทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  คฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน

ภาพที่ 24c  รูปทัศนียภาพภายในห้องดนตรีและรับรอง  คฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน

ภาพที่ 24d  รูปด้านผนังภายในของห้องดนตรีและรับรอง  คฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน

ภาพที่ 24a-d  แบบคฤหาสน์สำหรับคู่รักศิลปิน
ที่มา : 
www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk



บ้านเดอะฮิลล์ (The Hill House : 1902)

            จินตนาการ ความคิด และกลวิธีในการออกแบบทั้งหมดซึ่งเป็นที่มาของบ้านวินดีฮิลล์ได้ถูกเน้นย้ำอีกครั้งในการออกแบบบ้านเดอะฮิลล์ บ้านของวอลเตอร์ ดับเบิลยู แบล็คกี (Walter W Blackie) แม้บ้านทั้งสองนี้จะมีรูปแบบและแบบแผนในทำนองเดียวกัน แต่ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า บ้านเดอะฮิลล์จึงมีขนาดใหญ่และรูปทรงที่ซับซ้อนกว่า  นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจยิ่งคือ ผนังโค้งเจาะช่องหน้าต่างขนาบด้วยระนาบสี่เหลี่ยม  ซึ่งตามแบบทัศนียภาพ (ภาพที่ 25b) แสดงให้เห็นว่ามีรูปสลักติดตั้งอยู่ที่ระนาบสี่เหลี่ยม แต่เมื่อสร้างแล้วเสร็จกลับไม่มีรูปสลัก (ภาพที่ 26a)  ระนาบนั้นจึงว่างเปล่าดูคล้ายบานบังตา (Shutter) ที่ถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับผนังโค้ง  การหายไปของรูปสลักทำให้ระนาบและปริมาตรแสดงตัวเองเด่นชัดตรงไปตรงมาและเรียบเกลี้ยงยิ่งขึ้น แสงและเงาที่ทาบลงบนผนังโค้งและเงาของผนังโค้งที่ทาบลงบนระนาบอื่นๆทำให้เกิดความต่างที่น่าสนใจ  ประกอบกับความโค้งเพียงเล็กน้อยที่ทำให้ดูคล้ายว่าผนังเรียบค่อยๆนูนออกและกลับสู่ระนาบเดิม  ผนังโค้งนี้จึงแสดงตัวเองเป็นส่วนประกอบหนึ่งซึ่งถูกจัดวางแทรกไว้ในผนังเรียบต่อเนื่องเป็นเนิ้อเดียวกัน  ระนาบผนังที่ใหญ่จึงถูกทอนให้มีสัดส่วนดีขึ้น ดูไม่เทอะทะเกินไป  ผนังโค้งนี้จึงเป็นอีกกลวิธีการออกแบบเพื่อให้ระนาบ ปริมาตรและรูปทรงแสดงความงามออกมาเองด้วยสัดส่วน ขนาดและจังหวะที่สอดประสานกัน  โดยไม่จำเป็นต้องมีการประดับใดๆ  เมื่อพิจารณาว่าหอคอยของปราสาทเมย์โบล์วและบ้านหอคอยทราแควร์ (ภาพที่ 7 ,8)  ก็มีลักษณะเป็นผนังโค้งที่ยื่นออกมาจากผนังเรียบ  ก็ชวนให้คิดว่าผนังโค้งที่บ้านเดอะฮิลล์นี้แท้ที่จริงคือหอคอยที่ถูกลดทอนให้เรียบง่ายถึงที่สุด



ภาพที่ 25a  แปลนพื้นชั้นล่างและผังบริเวณ  บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 25b  รูปทัศนียภาพทิศตะวันตกเฉียงใต้  บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 25a-b  แบบบ้านเดอะฮิลล์
ที่มา : 
www.mackintosh-architecture.gla.ac.u
k


ภาพที่ 26a  ภาพถ่ายทิศตะวันตกเฉียงใต้  บ้านเดอะฮิลล์  (ค.ศ.1904)

ภาพที่ 26b  ภาพถ่ายทิศตะวันออกเฉียงใต้  บ้านเดอะฮิลล์ (ค.ศ.1904)

ภาพที่ 26c  โถงต้อนรับ  บ้านเดอะฮิลล์ (ค.ศ.1904)

ภาพที่ 26d  ประตูทางเข้าหลัก  บ้านเดอะฮิลล์ (ค.ศ.2011)

ภาพที่ 26a-d  ภาพถ่ายบ้านเดอะฮิลล์
ที่มา :  
www.mackintosh-architecture.gla.ac.u



            วอลเตอร์ ดับเบิลยู แบล็คกี อาศัยอยู่ในบ้านเดอะฮิลล์เป็นเวลาร่วมห้าสิบปีตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 1904 จวบจนเขาเสียชีวิตในปี 1953  เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกค้าหรือนายจ้าง แต่เขายังเป็นทั้งเพื่อน ที่ปรึกษา ผู้สนับสนุนและช่วยเหลือแมคอินทอชเสมอ  ในบันทึกความทรงจำที่เขาเขียนไว้เมื่อปี 1943 เพื่อหวนระลึกถึงแมคอินทอช (Memories of Charles Rennie Mackintosh) เขาได้เล่าถึงบุคลิก ความคิดและแนวทางการทำงานของแมคอินทอชไว้ว่า “...เมื่อพบกันครั้งแรกผมประทับใจความกระฉับกระเฉงกระตือรือร้นของแมคอินทอช เขาใส่ใจไตร่ถามความต้องการของเจ้าของบ้านไม่ต่างจากการการออกแบบโครงการใหญ่ๆ  ผมบอกความต้องการต่างๆให้เขาฟังเช่น ไม่ชอบบ้านมุงหลังคากระเบื้องสีแดงซึ่งดูไม่ดีเมื่ออยู่ท่ามกลางท้องฟ้าขมุกขมัวของถิ่นนี้  ไม่ชอบบ้านก่ออิฐทำผิวฉาบปูนแทรกสลับกับโครงสร้างไม้ วัสดุที่ชอบคือผิวปูนสีฉาบหยาบสีเทาที่ดูแปลกตาสำหรับผนัง  และหินชนวนสำหรับมุงหลังคา ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้สถาปัตยกรรมน่าประทับใจคือความงามจากการจัดวางส่วนประกอบและรูปทรงต่างๆอย่างพิถีพิถัน ไม่ใช่ความงามอย่างบังเอิญอันเป็นพลอยได้จากการประดับประดาไปตามแบบแผนที่คุ้นเคย แมคอินทอชเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมบอก และได้เชิญผมไปเยี่ยมชมบ้านวินดีฮิลล์ที่เขาออกแบบให้คุณเดวิดสัน
  

        เมื่อถึงวันนัดคุณเดวิดสันได้พาชมทุกส่วนของบ้าน  และได้กล่าวย้ำกับผมว่า แมคอินทอชคือสถาปนิกที่เหมาะสมที่สุด...เมื่อเริ่มงานออกแบบแมคอินทอชเสนอแปลนแสดงการจัดพื้นที่ใช้สอยต่างๆให้พิจารณาก่อน  เมื่อสรุปแบบแปลนที่เหมาะสมได้แล้ว  เขาจึงทำแบบรูปด้าน...ใช้เวลาไม่นานก็สามารถสรุปแบบและเริ่มก่อสร้าง...แต่งานก่อสร้างต้องล่าช้าเพราะการประท้วงหยุดงานของคนงานเหมืองหินที่ยืดเยื้อ ทำให้ไม่สามารถจัดหาหินชนวนมุงหลังคาเฉดสีน้ำเงินเข้ม  ซึ่งเป็นเฉดสีเดียวที่แมคอินทอชยืนยันว่าเหมาะสมที่สุด...แมคอินทอชจะใส่ใจทุกรายละเอียดในบ้านและออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ใช้งานได้ดีและสวยงาม...โดยเฉพาะห้องสำคัญคือ โถงต้อนรับ ห้องรับแขก (ภาพที่ 27a) ห้องสมุด และห้องนอนใหญ่ (ภาพที่ 27b) ทั้งเฟอร์นิเจอร์พร้อมอุปกรณ์ เตาผิง โคมไฟ ภาพลายฉลุตกแต่งผนัง (Stencil) พรม ม่าน แมคอินทอชได้ออกแบบไว้อย่างเหมาะเจาะประณีตสวยงาม...ผมคิดว่าการมุ่งแสวงหาสิ่งที่ตอบสนองการใช้งานได้ดีที่สุดทำให้ผลงานของแมคอินทอชมีความสดใหม่ไม่ซ้ำใคร...เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จแมคอินทอชได้กล่าวกับผมว่า ที่นี่ไม่ใช่วิลลาส์แบบอิตาเลียน คฤหาสน์แบบอังกฤษ กระท่อมไม้แบบสวิตซ์ หรือปราสาทแบบสก็อตซ์  แต่ที่นี่คือบ้านเพื่อการอยู่อาศัย...”



ภาพที่ 27a  ห้องรับแขก บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 27b  ห้องนอนใหญ่  บ้านเดอะฮิลล์

ภาพที่ 27a-b  ภาพถ่ายภายในบ้านเดอะฮิลล์
 
ที่มา :  www.mackintosh-architecture.gla.ac.uk 

Comments

Popular posts from this blog

ชาร์ลส เรนนี แมคอินทอช สถาปนิกที่โลก (เคย) ลืม ตอนที่ 2 (ต่อ)